NRF ผลงานดีขึ้นต่อเนื่อง ดันกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน Q3/65 เพิ่มกว่า 205.9% พร้อมเร่งเครื่องผลิตและส่งออกอาหารสัตว์ Botany Petcare ในโค้งสุดท้ายของปี 65

16 พฤศจิกายน 2565

บมจ.เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ หรือ NRF ผู้ผลิตและส่งออกอาหารและเครื่องปรุงรสชั้นนำ ประกาศผลงานไตรมาส 3/65 กวาดรายได้จากการขาย 579.3 ล้านบาท เพิ่ม 12.3% และทำกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ 71.8 ล้านบาท เพิ่ม 55.5% ดันผลงานในงวด 9 เดือนแรกเติบโตแข็งแกร่ง มีรายได้จากการขายรวม 1,729.0 ล้านบาท เพิ่ม 20.4% และกำไรจากการดำเนินงานปกติ 131.2 ล้านบาท เพิ่ม 45.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมรับรู้รายได้จากการขายเงินลงทุนใน GTH และ Nove Eats ปิดกำไรสุทธิ 246.7 ล้านบาท เติบโต 188.2% ทางด้านธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารไทยและอาหารท้องถิ่น และอีคอมเมิร์ซเติบโตแข็งแกร่ง พร้อมเปิดตัวโรงงานอาหารสัตว์ Botany Petcare เร่งเครื่องผลิตและส่งออกโค้งสุดท้ายของปีนี้ ล่าสุดเตรียมพัฒนาเมนูอาหารโปรตีนจากพืช (Plant-based) วางขายกับคาเฟ่อเมซอนภายในปีนี้ และเตรียมเปิดร้านค้า Flagship นำร่องสถานีบริการน้ำมันของ OR แห่งแรกในปีหน้า

นายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF ผู้ผลิต จัดหา และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปรุงรสอาหาร อาหารสำเร็จรูป เครื่องปรุงสำหรับประกอบอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาหารโปรตีนจากพืช อาหารสำเร็จรูปพร้อมปรุงและพร้อมรับประทานและเครื่องดื่มสำเร็จรูปชนิดผงและน้ำ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2565 (กรกฎาคม-กันยายน) บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 579.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้จากการขาย 515.8 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหลักจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายในผลิตภัณฑ์อาหารไทยและอาหารท้องถิ่นและอาหารสัตว์เลี้ยง ด้านกำไรสุทธิไตรมาส 3/2565 อยู่ที่ 178.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 198.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมาจากการรับรู้กำไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัท โกลเด้น ไตรแองเกิล เฮลท์ จำกัด (GTH) และบริษัท โนฟ อีทส์ จำกัด (Nove Eats) ส่วนกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติทำได้ 71.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 46.2 ล้านบาท รับผลดีจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าและการเพิ่มขึ้นของยอดขายในกลุ่มธุรกิจ E-commerce เนื่องจากเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีกำไรขั้นต้นสูง ทำให้สามารถชดเชยกับราคาวัตถุดิบจะสูงขึ้น

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2565 (มกราคม-กันยายน) มีรายได้จากการขายรวม 1,729.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้จากการขายรวม 1,435.7ล้านบาท โดยเป็นผลเติบโตจาก 1.) ผลิตภัณฑ์อาหารไทยและอาหารท้องถิ่นรวมถึงอาหาร specialty ที่เติบโต 11.5 % โดยยอดขายเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาค ยกเว้นทวีปยุโรป รวมถึงรับรู้ยอดขายที่เพิ่มจากผลิตภัณฑ์จากกลุ่ม recipe mix, basic seasoning และธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง (บริษัท Botany Petcare จำกัด) 2.) ธุรกิจ E-commerce รายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 95.7% จากบริษัท BOOSTED NRF Corp. ซึ่งมาจากการขายผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้า Prime Labs, SOL Trading, และ WellPath รวมถึงการรับรู้รายได้จาก บริษัท Indeem Group จำกัด ต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 1/2565 อย่างไรก็ตาม รายได้ที่เพิ่มมาจากปัจจัยดังกล่าว สามารถชดเชยกับยอดขายผลิตภัณฑ์อาหารจากพืชที่ลดลง

ขณะที่กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของกลุ่มบริษัทฯ ทำได้ 246.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 188.2% โดยเป็นกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ 131.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการเติบโตตามกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติที่เพิ่มขึ้น ค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงทำให้รายจากการขายในกลุ่ม Ethnic Foods เพิ่มขึ้น รวมถึงการรับรู้รายได้จากการขายอาหารสัตว์เลี้ยงในปี 2565 และการขายสินค้าจากกลุ่มธุรกิจ E-commerce ภายใต้แบรนด์ Prime Labs, SOL Trading และ WellPath รวมถึงบริษัท Indeem Group ที่เพิ่มขึ้น และส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัท Plant And Bean Ltd. ที่ลดลง ทำให้อัตรากำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติเพิ่มขึ้น ขณะที่ EBITDA อยู่ที่ 471.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 78.8 % เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเพิ่มขึ้นตามผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น และมีการรับรู้กำไรจากการขายเงินลงทุนใน GTH และ Nove Eats ในไตรมาสที่ผ่านมา

“การที่บริษัทฯ ได้จำหน่ายเงินลงทุนของ GTH ในอัตราส่วนการถือหุ้น 65% เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขได้ปลดกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติดประเภทที่ 5 ความต้องการในอุตสาหกรรมนี้ได้เคลื่อนจากกัญชงไปที่กัญชา ซึ่งไม่สอดคล้องกับธุรกิจหลักและกลยุทธ์บริษัทฯ รวมถึงยังมีความไม่แน่นอนของข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ บริษัทฯจึงได้จำหน่ายเงินลงทุนใน GTH เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้น ในส่วนการจำหน่ายเงินลงทุนใน Nove Eats เป็นเพียงการจำหน่ายคืนให้แก่ผู้ร่วมก่อตั้งเดิมของ Nove Eats ทำให้สัดส่วนถือหุ้นของ NRF ลดลงจาก 51% เหลือ 8% และถือเป็นการปรับโครงสร้างของกลุ่มธุรกิจอาหารโปรตีนจากพืช แต่เราจะยังคงร่วมดำเนินงานให้ความร่วมมือ และสนับสนุนแก่ Nove Eats ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งและผู้ถือหุ้น ทั้งด้านการผลิตและพัฒนาสินค้า เพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่องของ Nove Eats รวมไปถึงการให้ความร่วมมือในแผนการขยายธุรกิจไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา” นายแดน กล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NRF กล่าวเพิ่มเติมว่า ช่วงที่ผ่านมา บริษัท นิวทรา รีเจนเนอเรทีฟ โปรตีน จำกัด (“NRPT”), ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท โนฟ ฟู้ด และ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด (Innobic) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ร่วมกับ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาธุรกิจโปรตีนจากพืช (Plant-based) และอาหารแห่งอนาคต โดยมุ่งพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์และธุรกิจร้านค้าปลีกอาหารโปรตีนจากพืชที่เหมาะสมกับร้านค้าปลีกและสถานีบริการน้ำมันของ OR ทำให้ผู้บริโภคมีความสะดวกและมีทางเลือกในการบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ต่อทั้งสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ความร่วมมือกันพัฒนารูปแบบธุรกิจของร้านค้าปลีกและเมนูอาหารโปรตีนจากพืช (Plant-based) ซึ่งจะมีการพัฒนาเมนูพิเศษที่จะวางขายกับคาเฟ่ อเมซอน ภายในปีนี้ และ ขยาย alt.Eatery ร้านค้า Flagship เพื่อนำร่องในสถานีบริการน้ำมันของ OR แห่งแรกที่สาขาวิภาวดีรังสิตภายในปี 2566 อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือระหว่าง NRPT ผู้พัฒนาและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์โปรตีนจากพืช และ OR ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจค้าปลีกภายในสถานีบริการน้ำมันในครั้งนี้ มีเป้าหมายสำคัญเพื่อพัฒนาและต่อยอดธุรกิจค้าปลีกตามเจตนารมณ์ที่ทั้ง 2 องค์กรตั้งไว้

ส่วนความคืบหน้าการเปิดตัวโรงงานผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง Botany Petcare ซึ่งเป็นโรงงานผลิตอาหารและอาหารทานเล่นสัตว์เลี้ยง ปัจจุบันได้ก่อสร้างโรงงาน ติดตั้งเครื่องจักรและได้รับใบอนุญาต GMP และ HACCP แล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะเริ่มส่งออกได้ในไตรมาส 4/2565 เป็นต้นไป พร้อมกันนี้ โรงงานอาหารสัตว์เลี้ยงดังกล่าวสามารถต่อยอดธุรกิจจากการรับจ้างผลิต (Original Equipment Manufacturer หรือ OEM) อาหารสัตว์เลี้ยงทั้งภายในและต่างประเทศอีกด้วย