NRF โชว์ผลงานปี 63 สร้างสถิติสูงสุดใหม่ ทำรายได้กว่า 1,408.3 ล้านบาท

05 มีนาคม 2564

NRF โชว์ผลงานปี 63 สร้างสถิติสูงสุดใหม่ ทำรายได้กว่า 1,408.3 ล้านบาท ย้ำจุดแข็งเป็นผู้ผลิตอาหารแห่งอนาคต ฟากบอร์ดไฟเขียวจ่ายเงินปันผลเป็นหุ้น ขึ้น XD 30 เม.ย นี้

บมจ.เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์’ หรือ NRF ผู้ผลิตและส่งออกอาหารและเครื่องปรุงรสชั้นนำ เผยผลงานไตรมาส 4/63 มีรายได้รวม 438 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 35 ล้านบาท ส่งผลปี 63 มีรายได้รวม 1,408  ล้านบาท และกำไรสุทธิ 124 ล้านบาท ทุบสถิติผลสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 19 ส่วนออเดอร์ใหม่ล้นถึงกลางปี 64 ฟากบอร์ด NRF ไฟเขียว ประกาศจ่ายเงินปันผลเป็นหุ้นในอัตรา 25 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล เตรียมขึ้น XD วันที่ 30 เมษายน 2564

นายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF ผู้ผลิต จัดหา และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปรุงรสอาหาร อาหารสำเร็จรูป เครื่องปรุงสำหรับประกอบอาหาร อาหารมังสวิรัติที่ไม่มีส่วนผสมของไข่และนม อาหารโปรตีนจากพืช อาหารสำเร็จรูปพร้อมปรุงและพร้อมรับประทาน และเครื่องดื่มสำเร็จรูปชนิดผงและน้ำ รวมถึงผลิตภัณฑ์สินค้าอุปโภคที่ไม่ใช่อาหารในบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม (V-shape)  เปิดเผยว่า สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2563 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 438 ล้านบาท เติบโต 50.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้จากการขาย 291 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 35 ล้านบาท เติบโต 400% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 7 ล้านบาท

สำหรับผลประกอบการปี 2563 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 1,408 ล้านบาท เติบโต 26.7% เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่มีรายได้จากการขายรวม 1,111 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 124 ล้านบาท เติบโต 202.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 41 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) อยู่ที่ 303 ล้านบาท ทุบสถิติทำผลการดำเนินงานสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ซึ่งเป็นการเติบโตอย่างแข็งแกร่งแม้ต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก อย่างไรก็ตาม NRF ได้รับผลกระทบเชิงบวกจากสถานการณ์ดังกล่าว เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปมาก หันมาใช้ชีวิตมาอยู่บ้าน ปรุงอาหารทานเอง หรือเลือกซื้ออาหารสุขภาพ เพื่อดูแลตนเองเพิ่มขึ้นในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด 19 ส่งผลทำให้ยอดคำสั่งซื้อจากทั้ง  3 กลุ่มธุรกิจ เพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงกลางปี 2564 โดยเฉพาะกลุ่ม Ethnic Food ผลิตภัณฑ์รับจ้างผลิต (OEM / Private Label) และกลุ่ม Plant-Based Food ผลิตภัณฑ์อาหารโปรตีนจากพืช ที่เติบโตกว่า 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ Functional Products ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในปี2563 ได้รับผลตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างมาก หลังจากเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เจลแอลกอฮอล์ในบรรจุภัณฑ์ V-Shapes ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งสร้างยอดขายจากการติดตั้งเครื่องจักร V-shape ในปี 2563 จำนวน 19 ล้านบาท ร่วมกับ Fluid Energy Group LTD ซึ่งเป็นผู้นำนวัตกรรมเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NRF กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากที่บริษัทฯ ได้เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงที่ปีผ่านมา ทำให้ NRF สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ เพื่อก้าวสู่ผู้นำในอุตสาหกรรมผลิตอาหารในระดับสากล และถือเป็นบริษัทฯ ที่มีรูปแบบพร้อมรองรับผลิตภัณฑ์อาหารที่มีการเติบโตสูงในอนาคต (Platform for Future Food) โดยได้นำเงินที่ได้ทยอยลงทุนอย่างต่อเนื่อง ผ่านการขยายทั้ง Organic growth และ Inorganic growth เพื่อสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดในทุกไตรมาส โดยเริ่มลงทุนเพิ่มเติมอีก 25% ในดีลร่วมทุนโรงงาน Plant and Bean ที่ประเทศอังกฤษ คาดจะรับรู้รายได้เข้ามาในปี 2564

นอกจากนี้ บริษัทฯ เริ่มทยอยรับรู้รายได้จากบริษัท ซิตี้ฟูด จำกัด เพิ่มเข้ามาในเดือนธันวาคม 2563 หลังจากช่วงปลายปี 2563 ที่ผ่านมา ได้เข้าซื้อหุ้นสามัญส่วนที่เหลืออีก 84.99% ของ ซิตี้ฟูด เป็นเงินลงทุนทั้งสิ้น 170 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมกับหุ้นสามัญเดิมที่ถือหุ้น 15% ส่งผลให้ในปัจจุบัน NRF ถือหุ้นสามัญทั้งหมด 99.99% ทำให้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้ทันทีหลังจากเพิ่มสัดส่วนถือหุ้น เพื่อขยายกำลังการผลิตสินค้ากลุ่ม Ethnic Food เพิ่มขึ้นกว่า 95% รองรับความต้องการที่สูงขึ้น และคาดว่าจะเป็นฐานการผลิตในประเทศที่สำคัญในอนาคต อีกทั้งจะช่วยผลักดันยอดขายเพิ่มขึ้นอีกกว่า 30%

พร้อมกันนี้ ในช่วงที่ผ่านมา NRF ได้จัดตั้งบริษัทย่อย ภายใต้ชื่อ บริษัท เอ็นอาร์เอฟ คอนซูเมอร์ จำกัด เพื่อร่วมลงทุนกับบริษัท Boosted Ecommerce, Inc ซึ่งอยู่ในสหรัฐฯ ในการลงทุนธุรกิจ Branded e-commerce บน Amazon.com ที่มีผลิตภัณฑ์อยู่ในกลุ่ม Ethnic Food, Plant-Based Food, Functional Product โดยจะคัดเลือกบริษัทที่มีความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะต้องมียอดขายที่ดีในระบบ E-Commerce ของ Amazon และสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างต่อเนื่อง และจะมีเกณฑ์ในการเลือกลงทุนที่ชัดเจนเพื่อให้บริษัทฯ ได้รับประโยชน์สูงสุด

ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานที่เติบโตทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของ NRF ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ (บอร์ด) เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2564 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานปี 2563 ในรูปแบบหุ้นปันผล ในอัตรา 25 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล คิดเป็นอัตราปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น โดยมีกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 30 เมษายน นี้ และกำหนดจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นใน วันที่ 21 พฤษภาคม 2564 นี้

Source: https://www.bizfocusmagazine.com/news/item/9472-nrf-63-1-408-3.html