NRFโปรตีนพืชยังแกร่ง ชูขายในห้างรับตรุษจีน

28 มกราคม 2564

ทันหุ้น –NRF โอกาสเติบโตสูง รับทรัพย์ดีมานด์โปรตีนจากพืชดีต่อเนื่อง เร่งขยายช่องทางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้า รองรับยอดขายช่วงตรุษจีน เดินหน้าขยาย E-commerce platform ฟากโบรกมองกำไรไตรมาส 4/2563 โตสวย รับอานิสงส์โควิด-19 คนอยู่บ้านทำอาหารทานเองและดูแลสุขภาพมากขึ้น

นายแดน ปฐมวาณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์จำกัด (มหาชน) หรือ NPF ระบุว่า ขณะนี้อุตสาหกรรมโปรตีนจากพืช (Plant-Based) มีการขยายตัวต่อเนื่องทั้งในด้านผู้บริโภค รวมไปถึงผู้ประกอบการที่เข้ามาเป็นผู้เล่นในอุตสาหกรรมมากขึ้น โดยมองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะช่วยส่งเสริมให้ การบริโภค Plant-Based เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

ล่าสุด บริษัทบียอน มีท (Beyond Meat Inc) ซึ่งเป็นบริษัท Plant-Based รายใหญ่ก็ได้ร่วมมือ บริษัทเป๊ปซี่โค (PepsiCo Inc) เพื่อขยายธุรกิจ Plant-Based ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่า ขณะนี้เทรนด์การเติบโตของ Plant-Based มีมากยิ่งขึ้น ซึ่งบริษัทเองก็ศึกษาที่จะร่วมมือกับพันธมิตรรายใหญ่ระดับโลกเพื่อพัฒนาแบนด์สินค้ากลุ่มนี้ร่วมกัน นับเป็นโอกาสการที่จะสนับสนุนการเติบโตระยะยาวของบริษัท

*วางขายในห้างเพิ่มยอด

นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมแผนขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า Plant-Based ในห้างสพรรสินค้า ซึ่งบริษัทจะพยายาม ดำเนินการให้ทันช่วงเทศกาลตรุษจีนที่จะมาถึง หรือตรงกับวันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางให้ลูกค้าได้เข้าถึงสินค้าได้ง่าย และมั่นใจคุณภาพของสินค้าได้อย่างแน่นอน ขณะเดียวกันยังเดินหน้าในการขยายสินค้าผ่านช่องทาง E-Commerce ที่มีโอกาสการเติบโตสูง

โดยล่าสุด ได้ใส่เงินลงทุนเพิ่มใน บริษัท Boosted Ecommerce, Inc. (Boosted) (บริษัทในสหรัฐ) เพื่อลงทุนในธุรกิจ Branded e-commerce บน Amazon.com ที่มีผลิตภัณฑ์อยู่ในกลุ่ม Ethnic Food, PlantBased Food, Functional Product ที่บริษัทมีความสามารถในการแข่งขันอยู่แล้ว โดยผลิตภัณฑ์เหล่านั้นต้องมียอดขายที่ดีในระบบ E-Commerce ของ Amazon นับเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยให้บริษัทเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง แต่ทั้งนี้จะมีการแถลงแผนการขยายธุรกิจ E-Commerce อีกครั้งในเร็วๆนี้ ขณะที่แผนขยายธุรกิจ Ethnic Food และFunctional Product บริษัทยังเดินหน้าในการขยายธุรกิจต่อเนื่อง

ส่วนประเด็นเรื่องอย. ได้ออกกฎหมายรองรับการปลดล็อก กัญชง ไม่จัดเป็นยาเสพติด และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพานิชย์ได้ ซึ่งบริษัทมองว่า กัญชง หรือ สารสกัดซีบีดี (Cannabidiol :CBD) จากเมล็ดกัญชง เป็นโปรดักซ์ Specialty ซึ่งบริษัทก็อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายธุรกิจไปทางด้านนี้ แต่ขณะนี้ยังไม่มีความขัดเจน

*โอกาสทำกำไรดีต่อเนื่อง

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึง NRF ว่า คาดกำไรไตรมาส 4/2563 โตเด่นรับอานิสงส์โควิด-19 คนอยู่บ้านทำอาหารทานเองและดูแลสุขภาพมากขึ้น อีกทั้งคาดโมเมนตัมกำไรจะสามารถทำ All Time Higt ได้อีกอย่างน้อย 2 ไตรมาสใน ไตรมาส 1-2/2564 จาก 1.ดีลซื้อ City food เพิ่มฐานยอดขายทันที 30% รับเต็มไตรมาสในไตรมาส 1/2564

2.ดีลร่วมทุนกับ Boosted ซื้อบริษัท Start-up ได้กำไรส่วนเพิ่มทันทีราว 10% รับเต็มไตรมาสในไตรมาส 2/2564  และ3.ลงทุนเพิ่ม 25% ในดีลร่วมทุนโรงงาน Plant and Bean ที่ UK ช่วงกลางปี คาดเริ่มเห็นกำไรในไตรมาส4/2564 และ 4.การขยายโรงงาน Plant-based ในประเทศช่วงครึ่งปีหลังปี 2564 และครึ่งปีแรกปี 2565 รับออเดอร์ในภูมิภาค โดย 3. และ 4.จะเป็น Growth driver หลักในช่วงปี 2565-2566 ทำให้โมเมนตัมกำไรบริษัทมีการเติบโตค่อนข้างชัดเจนทั้งระยะสั้น-กลาง-ยาว

ดังนั้นแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 8.30 บาท ด้วยวิธี DCF (WACC 8%, G.3%) โดยราคาปัจจุบันยังไม่ได้สะท้อนความสามารถการเติบโตของบริษัท ที่คาดจะโตเฉลี่ยต่อปี 44% แบบ CAGR ใน 3 ปีข้างหน้า และเทรดอยู่ที่เพียง PEG 0.7 เท่า ทั้งยังมี Upside risk ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าจากบริษัทได้เริ่มพัฒนาสินค้า Plant-based แบรนด์ของตัวเองร่วมกับ Partner ที่เคยประสบความสำเร็จในอดีต และ โอกาสขยายช่องทางการขายสู่ตลาด E-commerce ที่ยังไม่ได้รวมอยู่ในประมาณการของเราและตลาด ประกอบกับธุรกิจขับเคลื่อนด้วย R&D มี Barrier to Entry ทำให้บริษัทมีศักยภาพในการเกาะไปกับเทรนด์สุขภาพที่เติบโตในระยะยาว

ที่มา: https://www.thunhoon.com/article/235037