NRF แจ้ง ตลท. เข้าลงทุน 3 โครงการในธุรกิจอาหารจากพืช (Plant-Based Food)

24 December 2020

เกิดอะไรขึ้น:
วานนี้ (23 ธันวาคม 2563) บมจ.เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ (NRF) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่องการลงทุน 3 โครงการในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอาหารจากพืช (Plant-Based Food) ได้แก่

  1. ธุรกิจการขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ (Cold Chain Logistic) เพื่อสนับสนุนธุรกิจ Plant-Based ซึ่งมีความต้องการในด้านการขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ โดยมีทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท ซึ่ง NRF ถือหุ้น 60%
  2. ธุรกิจขายสินค้า Plant-Based เพื่อสนับสนุนให้สินค้าของบริษัทสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น โดยมีทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท ซึ่ง NRF ถือหุ้น 51%
  3. โครงการลงทุนในกองทุนสนับสนุนสตาร์ทอัพเกี่ยวกับโปรตีนทางเลือก โดยจะลงทุนในกองทุน Unovis ซึ่งเป็นกองทุนชั้นนำด้านโปรตีนเกษตรทางเลือก มูลค่าลงทุนราว 150 ล้านบาท

กระทบอย่างไร:
วันนี้ (24 ธันวาคม 2563) ราคาหุ้น NRF ปรับตัวขึ้น 2.48%DoD สู่ระดับ 6.20 บาท ขณะที่ SET Index ปรับตัวขึ้น 35.50 จุด หรือ 2.51%DoD สู่ระดับ 1,451.52 จุด

มุมมองระยะสั้น:
สำหรับเงินลงทุนทั้ง 3 โครงการ จะมาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท ซึ่งเพิ่มมาจากโครงการลงทุนที่ NRF เผยไว้ตอน IPO โดย SCBS มองว่า การลงทุนเหล่านี้จะเป็นปัจจัยสนับสนุนเป้าหมายของบริษัท ซึ่ง NRF ตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.0 พันล้านบาทในปี 2567 หรือเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 3 เท่าจากรายได้ 1.1 พันล้านบาทในปี 2562 โดยธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารโปรตีนจากพืชจะสร้างรายได้ในสัดส่วนสูงถึง 30-40% ของรายได้รวมในปี 2567 เพิ่มขึ้นก้าวกระโดดจาก 8% ใน 9M63

ด้านแนวโน้มผลประกอบการ 4Q63 SCBS คาดว่า จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากคำสั่งซื้อสินค้าในกลุ่ม Ethnic Food ที่ได้รับการยืนยันจนถึงสิ้นปี 2563 รวมทั้งการล็อกดาวน์ในยุโรปจะเป็นปัจจัยบวกในระยะสั้น เนื่องจากความต้องการสำรองผลิตภัณฑ์กลุ่ม Ethnic Food ไว้ที่บ้านจะเพิ่มขึ้น โดยรายได้ 35% ใน 9M63 ของ NRF มาจากภูมิภาคยุโรป นอกจากนี้ SCBS คาดว่า บริษัทจะประหยัดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยได้จากการนำเงินที่ได้จาก IPO ไปชำระคืนเงินกู้

มุมมองระยะยาว:
SCBS คาดว่า ผลประกอบการ NRF จะเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้นรอบใหม่ในปี 2564-2565 โดยมีปัจจัยสนับสนุน 5 ประการ ดังนี้

  1. การขยายกำลังการผลิตกลุ่ม Ethnic Food จะเพิ่มขึ้นอีก 95%YoY ในปี 2564
  2. รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารโปรตีนจากพืช ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากคำสั่งซื้อเส้นบุกใหม่และการเติบโตของธุรกิจน้ำเต้าหู้ ตรา ชินโป
  3. โรงงานอาหารโปรตีนจากพืชแห่งใหม่จะสร้างรายได้เพิ่มเติมในปี 2565
  4. มีรายได้เพิ่มเติมจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ภายใต้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน
  5. การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุน P&B (Plant & Bean) ในสหราชอาณาจักร หลังจากได้ซื้อหุ้น 25% ของ P&B ระยะที่ 1 เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2563 และ NRF มีสิทธิซื้อหุ้นของ P&B เพิ่มอีก 25% ไม่เกินวันที่ 12 มิถุนายน 2564

แต่อย่างไรก็ดี การดำเนินงานของ NRF ยังมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากมีสัดส่วนรายได้สกุลเงินต่างประเทศสูงถึง 54% รวมถึงความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ตลอดจนความพึงพอใจของผู้บริโภคที่อาจเปลี่ยนแปลงไป

ที่มา: https://thestandard.co/nrf-called-set-to-invest-in-plant-based-food